บัญชี Swap Free คือ บัญชีที่ไม่มีการคิดหรือต้องจ่ายดอกเบี้ย (Swap) สำหรับสถานะการซื้อขายที่เปิดไว้ข้ามคืน และคู่มือนี้จะทำให้คุณเห็นภาพของการเทรดแบบ Swap-Free ได้ดียิ่งขึ้น
บัญชี Swap Free กับการเทรด Forex ของคุณ
บัญชี Swap Free คือ บัญชีที่ไม่มีค่าธรรมเนียม swap ซึ่งเกิดจากคุณเปิดตำแหน่งการซื้อขายข้ามคืน แทนที่คุณจะถูกเรียกเก็บค่าธรรมเนียมแบบ Roll over ในแบบดั้งเดิม โดยค่าธรรมเนียมสวอป (swap fee) มักจะถูกคิดในช่วงสิ้นวันของตลาดการซื้อขาย forex (เวลา 5 PM EST)
ซึ่งการคำนวณค่าธรรมเนียม swap จะคิดจากส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ยระหว่างสกุลเงินสองสกุลที่คุณกำลังทำการซื้อขายอยู่ แตกต่างกันออกไปในแต่ละโบรกเกอร์
Swap Fee ถือเป็นค่าใช้จ่ายหรือไม่?
ในกรณีนี้ ผมขอยกตัวอย่างด้านล่างนี้ เพื่อตอบคำถามข้างต้น
- หากคุณ ซื้อ (Long) สกุลเงินที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงกว่าสกุลเงินที่คุณขาย (Short) ข้ามคืน คุณจะได้รับ Swap บวก หรือที่เรียกว่า ‘Carry’ ซึ่งหมายความว่า คุณจะได้รับเงินสำหรับการถือสถานะข้ามคืน (ได้รับดอกเบี้ย)
- ในทางกลับกัน หากอัตราดอกเบี้ยของสกุลเงินที่คุณซื้อ ต่ำกว่า สกุลเงินที่คุณขาย คุณจะต้องจ่าย Swap ลบ ซึ่งถือเป็นค่าธรรมเนียมสำหรับการถือสถานะข้ามคืน (เสียดอกเบี้ย) และหากคุณต้องการหลีกเลี่ยงค่าใช้จ่ายนี้ คุณต้องปิดสถานะก่อนถึงเวลาตัดรอบข้ามคืนนั่นเอง
ความหมายของค่าใช้จ่ายในมุมมองทางบัญชี:
- Swap บวก ถือเป็น รายได้ หรือ กำไร
- Swap ลบ ถือเป็น ค่าใช้จ่ายที่ต้องจ่าย
สูตรการคำนวณ Swap Fee
การคำนวณ Swap fee จะขึ้นกับขนาดล็อต อัตราค่าธรรมเนียม และจำนวนคืนที่คุณเปิดสถานะทิ้งไว้ โดยไม่เกี่ยวว่าราคาจะขึ้นลงกี่ pip
สำหรับสูตรการคำนวณ คือ
ตัวอย่างการคำนวณ Swap fee
สมมติว่าคุณเปิดสถานะขนาด 10,000 หน่วย และ Swap Rate อยู่ที่ 1.5% โดยถือสถานะไว้ 2 คืน
นั่นหมายความว่าคุณต้องจ่ายค่าธรรมเนียม $3 เพื่อการถือสถานะไว้ข้ามคืน
แม้ตัวเลือกของค่าธรรมเนียมนี้ไม่ได้มากจนน่าตกใจ แต่หากคุณถือออเดอร์เป็นเวลานาน ค่าใช้จ่ายสะสมเหล่านี้จะส่งผลกระทบต่อกำไรของคุณได้ ตัวอย่างเช่น หากค่าธรรมเนียม Swap อยู่ที่ $1 ต่อคืน และคุณถือสถานะเป็นเวลา 30 วัน คุณจะเสียเงินเพิ่มขึ้น $30 ซึ่งทำให้กำไรของคุณลดลงไปเรื่อยๆ เมื่อเวลาผ่านไป อ่าน คู่มือเทรดฟอเร็กซ์ สำหรับเนื้อหาเพิ่มเติม
ทำไมเทรดเดอร์ถึงชอบใช้บัญชี Swap Free?
แม้ว่าบัญชี Swap-Free จะเป็นบัญชีที่ใช้งานได้เฉพาะกลุ่ม แต่ก็มีเหตุผลดีๆ อีกหลายประการที่ทำให้บัญชี Swap-Free กลายเป็นตัวเลือกของเทรดเดอร์หลายๆ คน รวมทั้งผู้ที่พึ่งเริ่มเทรด
สอดคล้องกับหลักปฏิบัติทางศาสนา
Swap-Free Account เป็นบัญชีที่สอดคล้องกับข้อกำหนดทางศาสนาอิสลาม เนื่องจาก ไม่มีการรับหรือจ่ายดอกเบี้ย (Riba) ซึ่งเป็นสิ่งต้องห้ามในศาสนาอิสลาม
โบรกเกอร์ CFD บางราย เช่น HFM Markets เสนอการเทรดแบบ Swap-Free ให้กับลูกค้าทุกคน ในขณะที่โบรกเกอร์อย่าง Pepperstone อนุญาตให้ใช้งานได้เฉพาะในประเทศมุสลิมเป็นส่วนใหญ่
ต้นทุนที่ต่ำกว่าสำหรับเทรดเดอร์ที่ซื้อขายระยะยาว
เนื่องจากค่าธรรมเนียม Swap ไม่ได้เป็นตัวเลขจำนวนมากนักในช่วงเริ่มต้นของการซื้อขาย แต่เชื่อเถอะ มันสามารถสะสมได้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะ กรณีที่คุณเป็นเทรดเดอร์ที่ทำการซื้อขายในระยะยาว (เช่น Swing Trader หรือ Position Trader)
การที่โบรกเกอร์ที่ดีเยี่ยมเสนอ Swap free Account ช่วยให้คุณสามารถถือสถานะการซื้อขายได้นานหลายวัน หลายสัปดาห์ หรือหลายเดือน โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม คุณจึงสามารถรักษาผลกำไรที่อาจเกิดขึ้นได้ดียิ่งขึ้น
โครงสร้างต้นทุนที่คาดการณ์ได้ง่ายขึ้น
Swap-Free Account เป็นตัวเลือกที่ดีหากคุณ ต้องการโครงสร้างค่าธรรมเนียมที่ตรงไปตรงมา โดยไม่มีความซับซ้อนของค่าธรรมเนียม Swap ที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด ไม่ว่าคุณจะซื้อล็อตใหญ่ขึ้น หรือถือตำแหน่งการซื้อขายไว้นานขึ้น คุณจะมองเห็นต้นทุนการเทรดได้อย่างชัดเจน ทำให้การวางแผนการเงินและการบริหารความเสี่ยงนั้นง่ายขึ้นมาก
รับเลเวอเรจแบบปลอดดอกเบี้ย
อย่างที่คุณทราบดี การซื้อขายด้วยบัญชีที่ให้ Leverage สูง ช่วยให้คุณสามารถควบคุมสถานะที่ใหญ่ขึ้นได้ด้วยเงินทุนของคุณเองที่น้อยลง แต่คุณรู้หรือไม่ว่า
- ในบัญชีเทรดปกติ ต้นทุนของเลเวอเรจอาจได้รับผลกระทบจากอัตราดอกเบี้ยของสกุลเงินที่คุณซื้อขาย ซึ่งทำให้เกิดค่าธรรมเนียม Swap ข้ามคืน (pip value เพิ่มขึ้น)
- แต่ในบัญชี Swap-Free คุณไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้องกับอัตราดอกเบี้ย
การซื้อขายด้วยบัญชี Swap-Free ทำได้ฟรีจริงหรือไม่?
แม้ว่าบัญชี Swap-Free จะให้ข้อได้เปรียบในการเทรด โดยคุณไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมข้ามคืน (Overnight Fees) ถึงแม้จะเทรดโดยใช้ leverage หรือไม่ก็ตาม แต่มันอาจไม่ได้ “ฟรี” อย่างแท้จริง
เนื่องจากโบรกเกอร์ Forex และ CFD มักใช้ ตัวเลือกโครงสร้างค่าธรรมเนียมแบบอื่น เพื่อชดเชยการไม่มีค่าธรรมเนียม Swap ซึ่งอาจรวมถึง:
สเปรดที่กว้างขึ้น & ค่าคอมมิชชันในการซื้อขาย
ไม่ว่าคุณจะเลือกเทรดผ่านโบรกเกอร์ที่เสนอฟังก์ชัน copy trade หรือไม่ การที่คุณซื้อขายด้วยบัญชี Swap-Free คุณจะพบค่าสเปรดที่สูงกว่าบัญชีมาตรฐาน ซึ่งในบางโบรกเกอร์เสนอสเปรดเริ่มต้นที่ 1.5 pip ตัวอย่างเช่น:
- บัญชีมาตรฐานของ Pepperstone มีสเปรด 1.0 pip สำหรับคู่สกุลเงินหลัก
- แต่บัญชี Swap-Free ของ Pepperstone มีสเปรดที่ 1.2 pip หรือสูงกว่านั้น
นอกจากนี้ บัญชี Swap-Free มักมีค่าคอมมิชชันที่สูงกว่า เช่น:
- ค่าคอมมิชชันในบัญชี Swap-Free อาจอยู่ที่ $7 ต่อล็อต
- ในขณะที่บัญชีมาตรฐานอาจอยู่ที่ $5 ต่อล็อต
ค่าธรรมเนียมการดูแลบัญชี
โบรกเกอร์บางราย แม้ในโบรกเกอร์ที่อนุญาตให้มีการเทรดทอง มีข้อกำหนดค่าธรรมเนียมการบริหารคงที่ (Fixed Administrative Charges) สำหรับการใช้งานบัญชี Swap-Free
- ค่าธรรมเนียมเหล่านี้อาจถูกเรียกเก็บแบบรายวัน รายสัปดาห์ หรือรายเดือน ขึ้นอยู่กับนโยบายของโบรกเกอร์
- จำนวนเงินที่เรียกเก็บอาจแตกต่างกันไปตามตราสารและสินทรัพย์ที่ซื้อขาย และระยะเวลาที่เปิดตำแหน่งเทรด
ตัวอย่าง:
- ที่ Pepperstone หากคุณถือออเดอร์ไว้ 5 วัน จะถูกหักค่าธรรมเนียมการบริหาร $100 ต่อ 1 ล็อตมาตรฐานจากยอดเงินในบัญชี
- OANDA ไม่มีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการบริหารในช่วง 5 วันแรกของการถือสถานะ แต่ตั้งแต่วันที่ 6 เป็นต้นไป จะมีค่าธรรมเนียมรายวันสำหรับทุกสถานะยังเปิดอยู่ รวมถึงวันหยุดสุดสัปดาห์
ข้อจำกัดของบัญชี Swap-Free
ถึงแม้การใช้ Swap-Free Account จะมีข้อดีหลายประการ แต่บัญชีการซื้อขายนี้ก็มีข้อจำกัด ซึ่งรวมถึง:
ต้นทุนการซื้อขายที่สูงขึ้น
ค่าใช้จ่ายในการเทรดโดยรวมของคุณอาจเพิ่มขึ้นเนื่องจาก:
- สเปรดที่กว้างขึ้น
- ค่าคอมมิชชันอื่นๆ
- ค่าธรรมเนียมการดูแลบัญชีที่โบรกเกอร์เรียกเก็บแทนการคิดค่าธรรมเนียม Swap
ข้อจำกัดในการซื้อขาย
บางโบรกเกอร์อาจจำกัดการใช้กลยุทธ์การเทรดบางอย่าง เช่น การป้องกันความเสี่ยง (Hedging) หรือ จำกัดการเข้าถึงตราสารบางประเภท ในบัญชี Swap-Free
- ตัวอย่างเช่น บัญชี Swap-Free ของ Pepperstone จะซื้อขายได้เฉพาะในคู่สกุลเงินและโลหะมีค่าเท่านั้น
เกณฑ์การเข้าใช้งาน
คุณอาจจำเป็นต้องแสดงหลักฐานการนับถือศาสนา เพื่อเข้าถึงบัญชี Swap-Free ของบางโบรกเกอร์ และบางโบรกเกอร์ก็จำกัดการให้บริการของบัญชีประเภทนี้ในบางภูมิภาค
บัญชี Swap-Free ที่มีให้บริการสอดคล้องกับกฎหมายชารียะหรือไม่?
แม้ว่า Swap-Free Account จะได้รับการออกแบบมาเพื่อให้สอดคล้องกับกฎหมายชารียะ โดยการตัดองค์ประกอบดอกเบี้ย (riba) แต่ผมยังอยากให้คุณพิจารณาและให้ความระมัดระวังในการใช้งานบัญชีประเภทนี้ เนื่องจากองค์ประกอบอื่นๆ ของบัญชีอาจไม่เป็นไปตามกฎหมายชารียะได้ทั้งหมด
เงื่อนไขที่กำหนดว่าบัญชีสอดคล้องกับกฎหมายชารียะหรือไม่นั้นรวมถึง:
- บัญชีต้องได้รับการอนุมัติจากนักวิชาการอิสลามที่มีคุณสมบัติหรือคณะกรรมการชารียะ
- ทุกองค์ประกอบที่เกี่ยวข้องกับดอกเบี้ยต้องถูกลบออกอย่างแท้จริง
- วิธีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมและค่าคอมมิชชันที่สอดคล้องกับหลักปฏิบัติ
ขั้นตอนการสมัครบัญชี Swap-Free
การเปิดบัญชี Swap-Free เป็นกระบวนการที่ง่ายและมีขั้นตอนคล้ายกันในหมู่โบรกเกอร์ฟอเร็กซ์ออนไลน์ส่วนใหญ่ เมื่อคุณเลือกโบรกเกอร์ที่มีการกำกับดูแลที่ดี และเสนอ Swap-Free Account คุณต้องทำตามขั้นตอนเหล่านี้:
- ไปที่เว็บไซต์ของโบรกเกอร์และกรอกแบบฟอร์มการสมัคร: คุณจะต้องกรอกข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงชื่อเต็ม รายละเอียดการติดต่อ และข้อมูลทางการเงินของคุณ
- ส่งเอกสารที่จำเป็นเพื่อยืนยันตัวตน: เอกสารที่ใช้ยืนยันตัวตนโดยทั่วไป ได้แก่ บัตรประชาชนหรือพาสปอร์ต, บิลค่าสาธารณูปโภคล่าสุด และรายการเดินบัญชีธนาคาร บางโบรกเกอร์อาจขอหลักฐานการนับถือศาสนา เช่น จดหมายจากผู้นำศาสนาหรือผู้นำชุมชนเพื่อยืนยันสิทธิ์ในการเปิดบัญชี Swap-Free
- ขอสถานะ Swap-Free: โดยคุณต้องกรอกแบบฟอร์มเพิ่มเติมหรือส่งคำร้องแยกต่างหาก แต่กระบวนการมักจะง่ายและรวดเร็ว โบรกเกอร์จะตรวจสอบคำร้องของคุณโดยปกติภายในหนึ่งวันทำการ และหากทุกอย่างถูกต้อง บัญชีของคุณจะถูกเปลี่ยนเป็นสถานะ “Swap-Free”
- การฝากเงินในบัญชีของคุณ: เมื่อได้รับการยืนยันการเปิดใช้งานบัญชีแล้ว คุณสามารถฝากเงินในบัญชีโดยใช้วิธีการฝากที่โบรกเกอร์มีให้
วิธีการเลือกโบรกเกอร์ Swap-Free ที่ดีที่สุดของเรา
หากคุณกำลังมองหาโบรกเกอร์ฟอเร็กซ์ที่เชื่อถือได้ โดยเฉพาะโบรกเกอร์ที่เสนอบัญชี Swap-Free นี่คือคำแนะนำที่เทรดเดอร์อย่างผม Justin Grossbard มักพิจารณา เมื่อต้องเลือกโบรกเกอร์ Swap-Free:
1. การกำกับดูแลและความปลอดภัย
ผมมักจะตรวจสอบสถานะการกำกับดูแลก่อนเป็นอันดับแรก ก่อนที่จะเลือกโบรกเกอร์ใดๆ เนื่องจากความปลอดภัยของเงินทุนและความโปร่งใสในการซื้อขายเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่ง
คุณควรตรวจสอบสถานะการกำกับดูแล อ่านรีวิวที่น่าเชื่อถือจากผู้ใช้งานจริงและจากแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ เช่น เว็บไซต์ compareforexbrokers ของเรา เพราะการทำเช่นนี้จะช่วยป้องกันไม่ให้คุณต้องเจอกับปัญหาจากการฉ้อโกงของโบรกเกอร์ และทำให้การลงทุนของคุณปลอดภัยภายใต้กฎหมายไทยและกฎหมายระหว่างประเทศ
2. ความหลากหลายของเครื่องมือการเทรดและตลาดการเงิน
จากนั้น การพิจารณาถึงความหลากหลายของเครื่องมือการเทรดและตลาดการเงิน ก็เป็นอีกหนึ่งประเด็นสำคัญที่ผมไม่เคยมองข้าม เพราะการมีตัวเลือกมากกว่าจะช่วยให้คุณสามารถใช้กลยุทธ์การซื้อขายได้อย่างหลากหลาย และเป็นประโยชน์กว่า
ตัวอย่างเช่น FP Markets เสนอบัญชี Swap-Free พร้อมกับการเข้าถึงเครื่องมือการซื้อขายกว่า 10,000 ชนิด เช่น Forex, ดัชนี, สินค้าโภคภัณฑ์ และสกุลเงินดิจิทัล นอกจากนี้ พวกเขายังมีสเปรดที่แคบเริ่มต้นที่ 0.0 pip และเลเวอเรจสูงสุดถึง 1:500
และอย่างที่ผมเน้นย้ำเสมอ ประสบการณ์การซื้อขายที่ดีเริ่มต้นด้วยแพลตฟอร์มที่เสถียรและใช้งานง่าย ผมจึงมักจะตรวจสอบด้วยว่าโบรกเกอร์เสนอตัวเลือกแพลตฟอร์มที่ครอบคลุมและหลากหลายหรือไม่ รวมทั้งลองใช้บัญชีเพื่อให้มั่นใจได้ว่าแพลตฟอร์มเหล่านั้นจะทำงานได้อย่างราบรื่น โดยไม่มีปัญหาการขัดข้องหรือหยุดทำงาน
นอกจากนี้ แพลตฟอร์มการซื้อขายควรมาพร้อมเครื่องมือในการทำธุรกรรมที่ทันสมัย การวิเคราะห์กราฟ และการบริหารความเสี่ยงดีที่เยี่ยม พราะจะช่วยให้คุณสามารถเทรดได้โดยไม่มีข้อจำกัด
3. ค่าธรรมเนียมการเทรด
แม้ว่าคุณจะต้องการหลีกเลี่ยงการเสียค่าธรรมเนียม Swap โดยการเลือกใช้บัญชี Swap-Free แต่โบรกเกอร์ก็มักจะมีนโยบายอื่น เพื่อชดเชย swap fee ที่คุณไม่ต้องจ่าย
ซึ่งรวมถึง การขยายสเปรด การเรียกเก็บค่าคอมมิชชัน หรือค่าธรรมเนียมการดูแลบัญชี ค่าธรรมเนียมเหล่านี้อาจทำให้อัตราส่วนกำไรของคุณลดลงได้ในที่สุด
ดังนั้น ผมขอแนะนำให้คุณใช้เวลาในการเปรียบเทียบโครงสร้างค่าธรรมเนียมของโบรกเกอร์ต่างๆ ล่วงหน้า เพื่อให้คุณมีเวลาในการคิดและวางแผนการเงินก่อนลงสนามซื้อขายจริง
4. การบริการลูกค้า
เมื่อขอสถานะ Swap-Free คุณจำเป็นต้องติดต่อกับฝ่ายบริการลูกค้า ดังนั้น โบรกเกอร์ควรมีฝ่ายสนับสนุนลูกค้ามืออาชีพที่มีความเชี่ยวชาญด้าน forex และทำงานอย่างรวดเร็ว มิฉะนั้นคุณอาจจะต้องรอการอนุมัตินานเกินกว่าที่ควรจะเป็น
โดยปกติแล้ว ผมมักจะเลือกใช้โบรกเกอร์ที่มีบริการสนับสนุนตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมช่องทางการติดต่อที่หลากหลาย (แชทสด, อีเมล์ และโทรศัพท์)
ในฐานะเทรดเดอร์ไทย ผมอยากแนะนำให้คุณพิจารณาตัวเลือกที่มีการให้บริการในภาษาไทย เพื่อให้คุณได้รับบริการที่สะดวกและตรงกับการใช้งานของคุณที่สุด
5. เครื่องมือวิจัยและพอร์ทัลการศึกษา
โบรกเกอร์ Swap-Free ที่ดีควรให้บริการเครื่องมือวิจัยและการศึกษาที่หลากหลาย เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจซื้อขายได้อย่างมีข้อมูล และสามารถพัฒนาทักษะการซื้อขายได้อย่างต่อเนื่อง
ผมอยากให้คุณลองมองหาโบรกเกอร์ที่มีเครื่องมือวิจัยและการวิเคราะห์ตลาด เช่น ปฏิทินเศรษฐกิจ และตัวชี้วัดทางเทคนิค รวมถึงแหล่งข้อมูลการศึกษา เช่น การสัมมนาผ่านเว็บ หลักสูตรการซื้อขายและคู่มือสำหรับผู้เริ่มต้น เป็นต้น
บทสรุป – บัญชี Swap-Free คือตัวเลือกการซื้อขายในการเทรดข้ามคืน
Swap free account เป็นตัวเลือกที่ช่วยให้เทรดเดอร์สามารถทำการซื้อขายได้โดยไม่ต้องคำนึงถึงค่าธรรมเนียม Swap หรือดอกเบี้ยข้ามคืน การเลือกใช้บัญชีประเภทนี้นี้จะช่วยให้การซื้อขายมีความโปร่งใสมากขึ้นและสามารถควบคุมต้นทุนได้ดียิ่งขึ้น
โดย Swap free account เป็นทางเลือกที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการหลีกเลี่ยงการชำระดอกเบี้ยในบางกรณี เช่น เทรดเดอร์ที่มีข้อจำกัดด้านศาสนา หรือผู้ที่ต้องการหลีกเลี่ยงค่าธรรมเนียมที่เกิดจากการซื้อขายระยะยาวใน forex trading sessions หลายแห่ง เป็นต้น
คำถามที่พบบ่อย – บัญชี Swap Free ในไทย
หากฉันไม่ใช่มุสลิม ฉันสามารถใช้ Swap-Free account ได้หรือไม่?
ได้ คุณสามารถใช้ Swap free account ได้ แต่ขึ้นอยู่กับนโยบายของโบรกเกอร์ของคุณ โบรกเกอร์หลายแห่งให้บริการบัญชี swap free แก่ผู้ที่ต้องการหลีกเลี่ยงค่าธรรมเนียมข้ามคืน หรือผู้ที่ต้องการโครงสร้างค่าธรรมเนียมที่คาดการณ์ได้มากขึ้นโดยไม่คำนึงถึงภูมิหลังทางศาสนาหรือวัฒนธรรมของเทรดเดอร์
อย่างไรก็ตาม นโยบายของโบรกเกอร์เกี่ยวกับบัญชี Swap-Free อาจแตกต่างกันไป บางโบรกเกอร์อาจกำหนดเงื่อนไขหรือค่าธรรมเนียมสำหรับลูกค้าที่ไม่ใช่มุสลิม
เงื่อนไขการซื้อขายในบัญชี Swap-Free แตกต่างจากบัญชีปกติหรือไม่?
แตกต่างในบางเงื่อนไขการซื้อขาย เช่น สเปรดและเลเวอเรจ ที่จะสูงกว่าบัญชีทั่วไป แต่ในด้านความเร็วในการดำเนินการซื้อขาย รวมทั้งแพลตฟอร์มและฟังก์ชันการซื้อขาย เช่น การใช้ EA ในการซื้อขาย โดยทั่วไปจะไม่แตกต่างต่างกัน ทั้งนี้ คุณควรตรวจสอบเงื่อนไขเฉพาะกับโบรกเกอร์ของคุณก่อนการเทรด
แพลตฟอร์มการเทรดใดบ้างที่ฉันสามารถใช้เทรดด้วยบัญชี Swap-Free ได้?
มีหลายแพลตฟอร์มการเทรดที่รองรับบัญชี Swap-Free ซึ่งรวมถึง:
- MetaTrader 4 (MT4) มีหลายแพลตฟอร์มการเทรดที่รองรับบัญชี Swap-Free ซึ่งรวมถึง:
-
- MetaTrader 4 (MT4): MT4 เป็นแพลตฟอร์มที่ได้รับความนิยมมากที่สุด โบรกเกอร์หลายรายที่รองรับบัญชี Swap-Free เช่น Exness และ FXTM (ForexTime)
- MetaTrader 5 (MT5): MT5 เป็นรุ่นที่ใหม่กว่าและพัฒนาขึ้นจาก MT4 ซึ่งรองรับการเทรดฟอเร็กซ์, หุ้น, สัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Futures) และอื่นๆ โบรกเกอร์ที่รองรับ Swap free account เช่น FBS และ XM
- cTrader: cTrader เป็นแพลตฟอร์มการเทรดที่ออกแบบมาเพื่อการซื้อขายที่เสถียรและรวดเร็ว โดยหลายโบรกเกอร์ เช่น IC Markets และ Pepperstone รองรับ Swap free account บน cTrader
บัญชี Swap-Free มีข้อกำหนดเงินฝากขั้นต่ำหรือไม่?
บัญชี Swap-Free มักมีข้อกำหนดเงินฝากขั้นต่ำที่แตกต่างกันไปตามแต่ละโบรกเกอร์ ซึ่งข้อกำหนดจะส่งผลกระทบต่อการเปิดบัญชีและการเริ่มต้นการซื้อขาย โดยปกติแล้วโบรกเกอร์จะกำหนดเงินฝากขั้นต่ำในระดับที่เหมาะสมกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย และประเภทบัญชีที่ให้บริการ
ตัวอย่างเช่น:
- Exness: กำหนดเงินฝากขั้นต่ำที่ต่ำมากเพียง $1 สำหรับบัญชี Swap-Free ทำให้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเริ่มต้นการซื้อขายด้วยเงินทุนจำกัด
- IC Markets: สำหรับบัญชี Swap-Free บางประเภท อาจมีข้อกำหนดเงินฝากขั้นต่ำที่ $200
ฉันสามารถเปลี่ยนจากบัญชี Swap-Free ไปเป็นบัญชี Standard ได้หรือไม่?
ได้ การเปลี่ยนจากบัญชี Swap-Free กลับไปยังบัญชีที่เป็นแบบ Standard สามารถทำได้ แต่จะขึ้นอยู่กับนโยบายของโบรกเกอร์ เพื่อเปลี่ยนแปลงรายละเอียดของบัญชี คุณจะต้องดำเนินการติดต่อฝ่ายบริการลูกค้าหรือทีมจัดการบัญชีของคุณเพื่อส่งคำร้อง แต่ไม่ว่าคุณจะใช้บัญชีใดก็ตาม หากคุณเป็นเทรดเดอร์ไทยที่มีกำไรจากการซื้อขาย คุณจำเป็นต้องแสดงรายการและชำระภาษี forex ในไทยตามข้อกำหนด