บัญชี Swap Free คืออะไร?: การเปิด Swap-Free Account

Updated:

What Changed?

Each month we update average spreads data published by the brokers the retail brokers lose %

Fact Checked

บัญชี Swap Free คือ บัญชีที่ไม่มีการคิดหรือต้องจ่ายดอกเบี้ย (Swap) สำหรับสถานะการซื้อขายที่เปิดไว้ข้ามคืน และคู่มือนี้จะทำให้คุณเห็นภาพของการเทรดแบบ Swap-Free ได้ดียิ่งขึ้น

บัญชี Swap Free กับการเทรด Forex ของคุณ

บัญชี Swap Free คือ บัญชีที่ไม่มีค่าธรรมเนียม swap ซึ่งเกิดจากคุณเปิดตำแหน่งการซื้อขายข้ามคืน แทนที่คุณจะถูกเรียกเก็บค่าธรรมเนียมแบบ Roll over ในแบบดั้งเดิม โดยค่าธรรมเนียมสวอป (swap fee) มักจะถูกคิดในช่วงสิ้นวันของตลาดการซื้อขาย forex (เวลา 5 PM EST)

ซึ่งการคำนวณค่าธรรมเนียม swap จะคิดจากส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ยระหว่างสกุลเงินสองสกุลที่คุณกำลังทำการซื้อขายอยู่ แตกต่างกันออกไปในแต่ละโบรกเกอร์

Swap Fee ถือเป็นค่าใช้จ่ายหรือไม่?

ในกรณีนี้ ผมขอยกตัวอย่างด้านล่างนี้ เพื่อตอบคำถามข้างต้น

  • หากคุณ ซื้อ (Long) สกุลเงินที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงกว่าสกุลเงินที่คุณขาย (Short) ข้ามคืน คุณจะได้รับ Swap บวก หรือที่เรียกว่า ‘Carry’ ซึ่งหมายความว่า คุณจะได้รับเงินสำหรับการถือสถานะข้ามคืน (ได้รับดอกเบี้ย)
  • ในทางกลับกัน หากอัตราดอกเบี้ยของสกุลเงินที่คุณซื้อ ต่ำกว่า สกุลเงินที่คุณขาย คุณจะต้องจ่าย Swap ลบ ซึ่งถือเป็นค่าธรรมเนียมสำหรับการถือสถานะข้ามคืน (เสียดอกเบี้ย) และหากคุณต้องการหลีกเลี่ยงค่าใช้จ่ายนี้ คุณต้องปิดสถานะก่อนถึงเวลาตัดรอบข้ามคืนนั่นเอง

ความหมายของค่าใช้จ่ายในมุมมองทางบัญชี:

  1. Swap บวก ถือเป็น รายได้ หรือ กำไร
  2. Swap ลบ ถือเป็น ค่าใช้จ่ายที่ต้องจ่าย

สูตรการคำนวณ Swap Fee

การคำนวณ Swap fee จะขึ้นกับขนาดล็อต อัตราค่าธรรมเนียม และจำนวนคืนที่คุณเปิดสถานะทิ้งไว้ โดยไม่เกี่ยวว่าราคาจะขึ้นลงกี่ pip 

สำหรับสูตรการคำนวณ คือ

สูตรการคำนวณ Swap Fee

ตัวอย่างการคำนวณ Swap fee

สมมติว่าคุณเปิดสถานะขนาด 10,000 หน่วย และ Swap Rate อยู่ที่ 1.5% โดยถือสถานะไว้ 2 คืน

ตัวอย่าง Swap fee

นั่นหมายความว่าคุณต้องจ่ายค่าธรรมเนียม $3 เพื่อการถือสถานะไว้ข้ามคืน

แม้ตัวเลือกของค่าธรรมเนียมนี้ไม่ได้มากจนน่าตกใจ แต่หากคุณถือออเดอร์เป็นเวลานาน ค่าใช้จ่ายสะสมเหล่านี้จะส่งผลกระทบต่อกำไรของคุณได้ ตัวอย่างเช่น หากค่าธรรมเนียม Swap อยู่ที่ $1 ต่อคืน และคุณถือสถานะเป็นเวลา 30 วัน คุณจะเสียเงินเพิ่มขึ้น $30 ซึ่งทำให้กำไรของคุณลดลงไปเรื่อยๆ เมื่อเวลาผ่านไป อ่าน คู่มือเทรดฟอเร็กซ์ สำหรับเนื้อหาเพิ่มเติม

ทำไมเทรดเดอร์ถึงชอบใช้บัญชี Swap Free?

แม้ว่าบัญชี Swap-Free จะเป็นบัญชีที่ใช้งานได้เฉพาะกลุ่ม แต่ก็มีเหตุผลดีๆ อีกหลายประการที่ทำให้บัญชี Swap-Free กลายเป็นตัวเลือกของเทรดเดอร์หลายๆ คน รวมทั้งผู้ที่พึ่งเริ่มเทรด

ทำไม Swap free ถึงน่าสนใจ

สอดคล้องกับหลักปฏิบัติทางศาสนา

Swap-Free Account เป็นบัญชีที่สอดคล้องกับข้อกำหนดทางศาสนาอิสลาม เนื่องจาก ไม่มีการรับหรือจ่ายดอกเบี้ย (Riba) ซึ่งเป็นสิ่งต้องห้ามในศาสนาอิสลาม

โบรกเกอร์ CFD บางราย เช่น HFM Markets เสนอการเทรดแบบ Swap-Free ให้กับลูกค้าทุกคน ในขณะที่โบรกเกอร์อย่าง Pepperstone อนุญาตให้ใช้งานได้เฉพาะในประเทศมุสลิมเป็นส่วนใหญ่

ต้นทุนที่ต่ำกว่าสำหรับเทรดเดอร์ที่ซื้อขายระยะยาว

เนื่องจากค่าธรรมเนียม Swap ไม่ได้เป็นตัวเลขจำนวนมากนักในช่วงเริ่มต้นของการซื้อขาย แต่เชื่อเถอะ มันสามารถสะสมได้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะ กรณีที่คุณเป็นเทรดเดอร์ที่ทำการซื้อขายในระยะยาว (เช่น Swing Trader หรือ Position Trader)

การที่โบรกเกอร์ที่ดีเยี่ยมเสนอ Swap free Account ช่วยให้คุณสามารถถือสถานะการซื้อขายได้นานหลายวัน หลายสัปดาห์ หรือหลายเดือน โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม คุณจึงสามารถรักษาผลกำไรที่อาจเกิดขึ้นได้ดียิ่งขึ้น

โครงสร้างต้นทุนที่คาดการณ์ได้ง่ายขึ้น

Swap-Free Account เป็นตัวเลือกที่ดีหากคุณ ต้องการโครงสร้างค่าธรรมเนียมที่ตรงไปตรงมา โดยไม่มีความซับซ้อนของค่าธรรมเนียม Swap ที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด ไม่ว่าคุณจะซื้อล็อตใหญ่ขึ้น หรือถือตำแหน่งการซื้อขายไว้นานขึ้น คุณจะมองเห็นต้นทุนการเทรดได้อย่างชัดเจน ทำให้การวางแผนการเงินและการบริหารความเสี่ยงนั้นง่ายขึ้นมาก

รับเลเวอเรจแบบปลอดดอกเบี้ย

อย่างที่คุณทราบดี การซื้อขายด้วยบัญชีที่ให้ Leverage สูง ช่วยให้คุณสามารถควบคุมสถานะที่ใหญ่ขึ้นได้ด้วยเงินทุนของคุณเองที่น้อยลง แต่คุณรู้หรือไม่ว่า

  • ในบัญชีเทรดปกติ ต้นทุนของเลเวอเรจอาจได้รับผลกระทบจากอัตราดอกเบี้ยของสกุลเงินที่คุณซื้อขาย ซึ่งทำให้เกิดค่าธรรมเนียม Swap ข้ามคืน (pip value เพิ่มขึ้น)
  • แต่ในบัญชี Swap-Free คุณไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้องกับอัตราดอกเบี้ย

การซื้อขายด้วยบัญชี Swap-Free ทำได้ฟรีจริงหรือไม่?

แม้ว่าบัญชี Swap-Free จะให้ข้อได้เปรียบในการเทรด โดยคุณไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมข้ามคืน (Overnight Fees) ถึงแม้จะเทรดโดยใช้ leverage หรือไม่ก็ตาม แต่มันอาจไม่ได้ “ฟรี” อย่างแท้จริง

เนื่องจากโบรกเกอร์ Forex และ CFD มักใช้ ตัวเลือกโครงสร้างค่าธรรมเนียมแบบอื่น เพื่อชดเชยการไม่มีค่าธรรมเนียม Swap ซึ่งอาจรวมถึง:

สเปรดที่กว้างขึ้น & ค่าคอมมิชชันในการซื้อขาย

ไม่ว่าคุณจะเลือกเทรดผ่านโบรกเกอร์ที่เสนอฟังก์ชัน copy trade หรือไม่ การที่คุณซื้อขายด้วยบัญชี Swap-Free คุณจะพบค่าสเปรดที่สูงกว่าบัญชีมาตรฐาน ซึ่งในบางโบรกเกอร์เสนอสเปรดเริ่มต้นที่ 1.5 pip ตัวอย่างเช่น:

  • บัญชีมาตรฐานของ Pepperstone มีสเปรด 1.0 pip สำหรับคู่สกุลเงินหลัก
  • แต่บัญชี Swap-Free ของ Pepperstone มีสเปรดที่ 1.2 pip หรือสูงกว่านั้น

นอกจากนี้ บัญชี Swap-Free มักมีค่าคอมมิชชันที่สูงกว่า เช่น:

  • ค่าคอมมิชชันในบัญชี Swap-Free อาจอยู่ที่ $7 ต่อล็อต
  • ในขณะที่บัญชีมาตรฐานอาจอยู่ที่ $5 ต่อล็อต

ค่าธรรมเนียมการดูแลบัญชี

โบรกเกอร์บางราย แม้ในโบรกเกอร์ที่อนุญาตให้มีการเทรดทอง มีข้อกำหนดค่าธรรมเนียมการบริหารคงที่ (Fixed Administrative Charges) สำหรับการใช้งานบัญชี Swap-Free

  • ค่าธรรมเนียมเหล่านี้อาจถูกเรียกเก็บแบบรายวัน รายสัปดาห์ หรือรายเดือน ขึ้นอยู่กับนโยบายของโบรกเกอร์
  • จำนวนเงินที่เรียกเก็บอาจแตกต่างกันไปตามตราสารและสินทรัพย์ที่ซื้อขาย และระยะเวลาที่เปิดตำแหน่งเทรด

ตัวอย่าง:

  • ที่ Pepperstone หากคุณถือออเดอร์ไว้ 5 วัน จะถูกหักค่าธรรมเนียมการบริหาร $100 ต่อ 1 ล็อตมาตรฐานจากยอดเงินในบัญชี
  • OANDA ไม่มีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการบริหารในช่วง 5 วันแรกของการถือสถานะ แต่ตั้งแต่วันที่ 6 เป็นต้นไป จะมีค่าธรรมเนียมรายวันสำหรับทุกสถานะยังเปิดอยู่ รวมถึงวันหยุดสุดสัปดาห์

ข้อจำกัดของบัญชี Swap-Free

ถึงแม้การใช้ Swap-Free Account จะมีข้อดีหลายประการ แต่บัญชีการซื้อขายนี้ก็มีข้อจำกัด ซึ่งรวมถึง:

ต้นทุนการซื้อขายที่สูงขึ้น

ค่าใช้จ่ายในการเทรดโดยรวมของคุณอาจเพิ่มขึ้นเนื่องจาก:

  • สเปรดที่กว้างขึ้น
  • ค่าคอมมิชชันอื่นๆ
  • ค่าธรรมเนียมการดูแลบัญชีที่โบรกเกอร์เรียกเก็บแทนการคิดค่าธรรมเนียม Swap

ข้อจำกัดในการซื้อขาย

บางโบรกเกอร์อาจจำกัดการใช้กลยุทธ์การเทรดบางอย่าง เช่น การป้องกันความเสี่ยง (Hedging) หรือ จำกัดการเข้าถึงตราสารบางประเภท ในบัญชี Swap-Free

  • ตัวอย่างเช่น บัญชี Swap-Free ของ Pepperstone จะซื้อขายได้เฉพาะในคู่สกุลเงินและโลหะมีค่าเท่านั้น

เกณฑ์การเข้าใช้งาน

คุณอาจจำเป็นต้องแสดงหลักฐานการนับถือศาสนา เพื่อเข้าถึงบัญชี Swap-Free ของบางโบรกเกอร์ และบางโบรกเกอร์ก็จำกัดการให้บริการของบัญชีประเภทนี้ในบางภูมิภาค

ข้อจำกัด Swap Free

บัญชี Swap-Free ที่มีให้บริการสอดคล้องกับกฎหมายชารียะหรือไม่?

แม้ว่า Swap-Free Account จะได้รับการออกแบบมาเพื่อให้สอดคล้องกับกฎหมายชารียะ โดยการตัดองค์ประกอบดอกเบี้ย (riba) แต่ผมยังอยากให้คุณพิจารณาและให้ความระมัดระวังในการใช้งานบัญชีประเภทนี้ เนื่องจากองค์ประกอบอื่นๆ ของบัญชีอาจไม่เป็นไปตามกฎหมายชารียะได้ทั้งหมด

เงื่อนไขที่กำหนดว่าบัญชีสอดคล้องกับกฎหมายชารียะหรือไม่นั้นรวมถึง:

  • บัญชีต้องได้รับการอนุมัติจากนักวิชาการอิสลามที่มีคุณสมบัติหรือคณะกรรมการชารียะ
  • ทุกองค์ประกอบที่เกี่ยวข้องกับดอกเบี้ยต้องถูกลบออกอย่างแท้จริง
  • วิธีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมและค่าคอมมิชชันที่สอดคล้องกับหลักปฏิบัติ

ขั้นตอนการสมัครบัญชี Swap-Free

การเปิดบัญชี Swap-Free เป็นกระบวนการที่ง่ายและมีขั้นตอนคล้ายกันในหมู่โบรกเกอร์ฟอเร็กซ์ออนไลน์ส่วนใหญ่ เมื่อคุณเลือกโบรกเกอร์ที่มีการกำกับดูแลที่ดี และเสนอ Swap-Free Account คุณต้องทำตามขั้นตอนเหล่านี้:

  1. ไปที่เว็บไซต์ของโบรกเกอร์และกรอกแบบฟอร์มการสมัคร: คุณจะต้องกรอกข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงชื่อเต็ม รายละเอียดการติดต่อ และข้อมูลทางการเงินของคุณ
  2. ส่งเอกสารที่จำเป็นเพื่อยืนยันตัวตน: เอกสารที่ใช้ยืนยันตัวตนโดยทั่วไป ได้แก่ บัตรประชาชนหรือพาสปอร์ต, บิลค่าสาธารณูปโภคล่าสุด และรายการเดินบัญชีธนาคาร บางโบรกเกอร์อาจขอหลักฐานการนับถือศาสนา เช่น จดหมายจากผู้นำศาสนาหรือผู้นำชุมชนเพื่อยืนยันสิทธิ์ในการเปิดบัญชี Swap-Free
  3. ขอสถานะ Swap-Free: โดยคุณต้องกรอกแบบฟอร์มเพิ่มเติมหรือส่งคำร้องแยกต่างหาก แต่กระบวนการมักจะง่ายและรวดเร็ว โบรกเกอร์จะตรวจสอบคำร้องของคุณโดยปกติภายในหนึ่งวันทำการ และหากทุกอย่างถูกต้อง บัญชีของคุณจะถูกเปลี่ยนเป็นสถานะ “Swap-Free”
    สลับใช้บัญชี Swap free
  4. การฝากเงินในบัญชีของคุณ: เมื่อได้รับการยืนยันการเปิดใช้งานบัญชีแล้ว คุณสามารถฝากเงินในบัญชีโดยใช้วิธีการฝากที่โบรกเกอร์มีให้

วิธีการเลือกโบรกเกอร์ Swap-Free ที่ดีที่สุดของเรา

หากคุณกำลังมองหาโบรกเกอร์ฟอเร็กซ์ที่เชื่อถือได้ โดยเฉพาะโบรกเกอร์ที่เสนอบัญชี Swap-Free นี่คือคำแนะนำที่เทรดเดอร์อย่างผม Justin Grossbard มักพิจารณา เมื่อต้องเลือกโบรกเกอร์ Swap-Free:

1. การกำกับดูแลและความปลอดภัย

ผมมักจะตรวจสอบสถานะการกำกับดูแลก่อนเป็นอันดับแรก ก่อนที่จะเลือกโบรกเกอร์ใดๆ เนื่องจากความปลอดภัยของเงินทุนและความโปร่งใสในการซื้อขายเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่ง

คุณควรตรวจสอบสถานะการกำกับดูแล อ่านรีวิวที่น่าเชื่อถือจากผู้ใช้งานจริงและจากแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ เช่น เว็บไซต์ compareforexbrokers ของเรา เพราะการทำเช่นนี้จะช่วยป้องกันไม่ให้คุณต้องเจอกับปัญหาจากการฉ้อโกงของโบรกเกอร์ และทำให้การลงทุนของคุณปลอดภัยภายใต้กฎหมายไทยและกฎหมายระหว่างประเทศ

2. ความหลากหลายของเครื่องมือการเทรดและตลาดการเงิน

จากนั้น การพิจารณาถึงความหลากหลายของเครื่องมือการเทรดและตลาดการเงิน ก็เป็นอีกหนึ่งประเด็นสำคัญที่ผมไม่เคยมองข้าม เพราะการมีตัวเลือกมากกว่าจะช่วยให้คุณสามารถใช้กลยุทธ์การซื้อขายได้อย่างหลากหลาย และเป็นประโยชน์กว่า

ตัวอย่างเช่น FP Markets เสนอบัญชี Swap-Free พร้อมกับการเข้าถึงเครื่องมือการซื้อขายกว่า 10,000 ชนิด เช่น Forex, ดัชนี, สินค้าโภคภัณฑ์ และสกุลเงินดิจิทัล นอกจากนี้ พวกเขายังมีสเปรดที่แคบเริ่มต้นที่ 0.0 pip และเลเวอเรจสูงสุดถึง 1:500

และอย่างที่ผมเน้นย้ำเสมอ ประสบการณ์การซื้อขายที่ดีเริ่มต้นด้วยแพลตฟอร์มที่เสถียรและใช้งานง่าย ผมจึงมักจะตรวจสอบด้วยว่าโบรกเกอร์เสนอตัวเลือกแพลตฟอร์มที่ครอบคลุมและหลากหลายหรือไม่ รวมทั้งลองใช้บัญชีเพื่อให้มั่นใจได้ว่าแพลตฟอร์มเหล่านั้นจะทำงานได้อย่างราบรื่น โดยไม่มีปัญหาการขัดข้องหรือหยุดทำงาน

นอกจากนี้ แพลตฟอร์มการซื้อขายควรมาพร้อมเครื่องมือในการทำธุรกรรมที่ทันสมัย การวิเคราะห์กราฟ และการบริหารความเสี่ยงดีที่เยี่ยม พราะจะช่วยให้คุณสามารถเทรดได้โดยไม่มีข้อจำกัด

3. ค่าธรรมเนียมการเทรด

แม้ว่าคุณจะต้องการหลีกเลี่ยงการเสียค่าธรรมเนียม Swap โดยการเลือกใช้บัญชี Swap-Free แต่โบรกเกอร์ก็มักจะมีนโยบายอื่น เพื่อชดเชย swap fee ที่คุณไม่ต้องจ่าย

ซึ่งรวมถึง การขยายสเปรด การเรียกเก็บค่าคอมมิชชัน หรือค่าธรรมเนียมการดูแลบัญชี ค่าธรรมเนียมเหล่านี้อาจทำให้อัตราส่วนกำไรของคุณลดลงได้ในที่สุด

ดังนั้น ผมขอแนะนำให้คุณใช้เวลาในการเปรียบเทียบโครงสร้างค่าธรรมเนียมของโบรกเกอร์ต่างๆ ล่วงหน้า เพื่อให้คุณมีเวลาในการคิดและวางแผนการเงินก่อนลงสนามซื้อขายจริง

4. การบริการลูกค้า

เมื่อขอสถานะ Swap-Free คุณจำเป็นต้องติดต่อกับฝ่ายบริการลูกค้า ดังนั้น โบรกเกอร์ควรมีฝ่ายสนับสนุนลูกค้ามืออาชีพที่มีความเชี่ยวชาญด้าน forex และทำงานอย่างรวดเร็ว มิฉะนั้นคุณอาจจะต้องรอการอนุมัตินานเกินกว่าที่ควรจะเป็น

โดยปกติแล้ว ผมมักจะเลือกใช้โบรกเกอร์ที่มีบริการสนับสนุนตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมช่องทางการติดต่อที่หลากหลาย (แชทสด, อีเมล์ และโทรศัพท์)

ในฐานะเทรดเดอร์ไทย ผมอยากแนะนำให้คุณพิจารณาตัวเลือกที่มีการให้บริการในภาษาไทย เพื่อให้คุณได้รับบริการที่สะดวกและตรงกับการใช้งานของคุณที่สุด

5. เครื่องมือวิจัยและพอร์ทัลการศึกษา

โบรกเกอร์ Swap-Free ที่ดีควรให้บริการเครื่องมือวิจัยและการศึกษาที่หลากหลาย เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจซื้อขายได้อย่างมีข้อมูล และสามารถพัฒนาทักษะการซื้อขายได้อย่างต่อเนื่อง

ผมอยากให้คุณลองมองหาโบรกเกอร์ที่มีเครื่องมือวิจัยและการวิเคราะห์ตลาด เช่น ปฏิทินเศรษฐกิจ และตัวชี้วัดทางเทคนิค รวมถึงแหล่งข้อมูลการศึกษา เช่น การสัมมนาผ่านเว็บ หลักสูตรการซื้อขายและคู่มือสำหรับผู้เริ่มต้น เป็นต้น

บทสรุป – บัญชี Swap-Free คือตัวเลือกการซื้อขายในการเทรดข้ามคืน

Swap free account เป็นตัวเลือกที่ช่วยให้เทรดเดอร์สามารถทำการซื้อขายได้โดยไม่ต้องคำนึงถึงค่าธรรมเนียม Swap หรือดอกเบี้ยข้ามคืน การเลือกใช้บัญชีประเภทนี้นี้จะช่วยให้การซื้อขายมีความโปร่งใสมากขึ้นและสามารถควบคุมต้นทุนได้ดียิ่งขึ้น

โดย Swap free account เป็นทางเลือกที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการหลีกเลี่ยงการชำระดอกเบี้ยในบางกรณี เช่น เทรดเดอร์ที่มีข้อจำกัดด้านศาสนา หรือผู้ที่ต้องการหลีกเลี่ยงค่าธรรมเนียมที่เกิดจากการซื้อขายระยะยาวใน forex trading sessions หลายแห่ง เป็นต้น

คำถามที่พบบ่อย – บัญชี Swap Free ในไทย

หากฉันไม่ใช่มุสลิม ฉันสามารถใช้ Swap-Free account ได้หรือไม่?

ได้ คุณสามารถใช้ Swap free account ได้ แต่ขึ้นอยู่กับนโยบายของโบรกเกอร์ของคุณ โบรกเกอร์หลายแห่งให้บริการบัญชี swap free แก่ผู้ที่ต้องการหลีกเลี่ยงค่าธรรมเนียมข้ามคืน หรือผู้ที่ต้องการโครงสร้างค่าธรรมเนียมที่คาดการณ์ได้มากขึ้นโดยไม่คำนึงถึงภูมิหลังทางศาสนาหรือวัฒนธรรมของเทรดเดอร์

อย่างไรก็ตาม นโยบายของโบรกเกอร์เกี่ยวกับบัญชี Swap-Free อาจแตกต่างกันไป บางโบรกเกอร์อาจกำหนดเงื่อนไขหรือค่าธรรมเนียมสำหรับลูกค้าที่ไม่ใช่มุสลิม

เงื่อนไขการซื้อขายในบัญชี Swap-Free แตกต่างจากบัญชีปกติหรือไม่?

แตกต่างในบางเงื่อนไขการซื้อขาย เช่น สเปรดและเลเวอเรจ ที่จะสูงกว่าบัญชีทั่วไป แต่ในด้านความเร็วในการดำเนินการซื้อขาย รวมทั้งแพลตฟอร์มและฟังก์ชันการซื้อขาย เช่น การใช้ EA ในการซื้อขาย โดยทั่วไปจะไม่แตกต่างต่างกัน ทั้งนี้ คุณควรตรวจสอบเงื่อนไขเฉพาะกับโบรกเกอร์ของคุณก่อนการเทรด

แพลตฟอร์มการเทรดใดบ้างที่ฉันสามารถใช้เทรดด้วยบัญชี Swap-Free ได้?

มีหลายแพลตฟอร์มการเทรดที่รองรับบัญชี Swap-Free ซึ่งรวมถึง:

  1. MetaTrader 4 (MT4) มีหลายแพลตฟอร์มการเทรดที่รองรับบัญชี Swap-Free ซึ่งรวมถึง:
    1. MetaTrader 4 (MT4): MT4 เป็นแพลตฟอร์มที่ได้รับความนิยมมากที่สุด โบรกเกอร์หลายรายที่รองรับบัญชี Swap-Free เช่น Exness และ FXTM (ForexTime)
    2. MetaTrader 5 (MT5): MT5 เป็นรุ่นที่ใหม่กว่าและพัฒนาขึ้นจาก MT4 ซึ่งรองรับการเทรดฟอเร็กซ์, หุ้น, สัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Futures) และอื่นๆ โบรกเกอร์ที่รองรับ Swap free account เช่น FBS และ XM
    3. cTrader: cTrader เป็นแพลตฟอร์มการเทรดที่ออกแบบมาเพื่อการซื้อขายที่เสถียรและรวดเร็ว โดยหลายโบรกเกอร์ เช่น IC Markets และ Pepperstone รองรับ Swap free account บน cTrader

บัญชี Swap-Free มีข้อกำหนดเงินฝากขั้นต่ำหรือไม่?

บัญชี Swap-Free มักมีข้อกำหนดเงินฝากขั้นต่ำที่แตกต่างกันไปตามแต่ละโบรกเกอร์ ซึ่งข้อกำหนดจะส่งผลกระทบต่อการเปิดบัญชีและการเริ่มต้นการซื้อขาย โดยปกติแล้วโบรกเกอร์จะกำหนดเงินฝากขั้นต่ำในระดับที่เหมาะสมกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย และประเภทบัญชีที่ให้บริการ

ตัวอย่างเช่น:

  • Exness: กำหนดเงินฝากขั้นต่ำที่ต่ำมากเพียง $1 สำหรับบัญชี Swap-Free ทำให้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเริ่มต้นการซื้อขายด้วยเงินทุนจำกัด
  • IC Markets: สำหรับบัญชี Swap-Free บางประเภท อาจมีข้อกำหนดเงินฝากขั้นต่ำที่ $200

ฉันสามารถเปลี่ยนจากบัญชี Swap-Free ไปเป็นบัญชี Standard ได้หรือไม่?

ได้ การเปลี่ยนจากบัญชี Swap-Free กลับไปยังบัญชีที่เป็นแบบ Standard สามารถทำได้ แต่จะขึ้นอยู่กับนโยบายของโบรกเกอร์ เพื่อเปลี่ยนแปลงรายละเอียดของบัญชี คุณจะต้องดำเนินการติดต่อฝ่ายบริการลูกค้าหรือทีมจัดการบัญชีของคุณเพื่อส่งคำร้อง แต่ไม่ว่าคุณจะใช้บัญชีใดก็ตาม หากคุณเป็นเทรดเดอร์ไทยที่มีกำไรจากการซื้อขาย คุณจำเป็นต้องแสดงรายการและชำระภาษี forex ในไทยตามข้อกำหนด

Back to top