Leverage คือ? มุมมองการใช้งานสำหรับเทรดเดอร์ไทย
Leverage คือ เครื่องมือที่ถูกใช้ในการซื้อขายฟอเร็กซ์, สกุลเงินดิจิทัล, หุ้น และสินค้าโภคภัณฑ์ โดยเรามักจะใช้ Leverage เพื่อทำการซื้อขายในปริมาณที่สูงกว่าทุนจริงที่มีอยู่ หรือหากจะพูดง่ายๆ การใช้ Leverage คือการยืมเงินจากโบรกเกอร์มาขยายความสามารถการซื้อขายนั่นเอง
Leverage คือ การก่อหนี้?
จากมุมมองของมผม Justin Grossbard ผู้เชี่ยวชาญทางการเงินจาก Comepareforexbrokers ผมมองว่า ถึงแม้การใช้ Leverage นับเป็นการก่อหนี้ แต่มักใช้ในกรณีการสร้างหนี้เพื่อการลงทุน การใช้ Leverage ในการลงทุนเป็นอีกหนึ่งวิธีการเข้าถึงเงินทุนทางเลือก โดยใช้เงินทุนที่มีค้ำประกันกับโบรกเกอร์หรือผู้ให้บริการทางการเงิน เลเวอเรจสามารถช่วยในการจัดหาทุนเพื่อซื้อสินทรัพย์ เช่น สินค้าคงคลัง อุปกรณ์ หรือการลงทุนของนักลงทุนมือใหม่ เป็นต้น ดังนั้น เมื่อเราพูดถึงการใช้เลเวอเรจเพื่อได้มาซึ่งสิ่งใดสิ่งหนึ่ง นั่นหมายความว่า เรากำลังเข้าสู่การเป็นหนี้เพื่อให้ได้มาหรือแก้ไขความต้องการบางอย่าง
Leverage คืออะไรในการซื้อขาย Forex?
ในโลกการลงทุน การเรียกใช้ Leverage เป็นการที่คุณกำลังจะกู้ยืมเงินเพื่อเพิ่มผลตอบแทนของลงทุน ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนในหุ้น, ฟอเร็กซ์, พันธบัตร, กองทุน, กองทุนซื้อขายแลกเปลี่ยน, ออปชัน, สินค้าโภคภัณฑ์, สกุลเงินดิจิตอล หรือแม้กระทั่ง CFD (Contract for Difference)
Leverage ช่วยให้คุณเปิดตำแหน่งการซื้อขายที่เกินขีดจำกัดของยอดเงินในบัญชีของคุณได้ เพื่อเข้าถึง leverage คุณต้องมั่นใจว่าบัญชีการซื้อขายของคุณมีเงินทุนเพียงพอตามที่โบรกเกอร์ระบุ (หรือที่นิยมเรียกว่า “มาร์จิ้น”) คุณสามารถอ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับมาร์จิ้นได้ในบทความ “forex margin คืออะไร” ของเรา
ทำไม Leverage ถึงมีประโยชน์ในการเทรด Forex และ CFD?
ในตลาดฟอเร็กซ์และ CFD เรามักจะพบว่าการเปลี่ยนแปลงของในระหว่างวันนั้นมีปริมาณที่น้อยกว่า 1% ด้วยการเปลี่ยนแปลงที่น้อยนิดนี้ ทำการกำไรที่สำคัญเป็นเรื่องยากหากคุณมีเงินทุนไม่มากพอ นี่คือเหตุผลที่โบรกเกอร์เสนอ leverage ให้กับเทรดเดอร์รายย่อย
ข้อได้เปรียบของการใช้ leverage เพื่อการลงทุนในฟอเร็กซ์และ CFD คือ เลเวอเรจช่วยเพิ่มกำลังซื้อและผลกำไรของคุณสามารถทำได้จากเงินทุนเพียงเล็กน้อยของคุณเอง อย่างไรก็ตาม leverage อาจเพิ่มผลกำไรจากเงินทุนที่น้อยได้ แต่มันก็สามารถเพิ่มโอกาสขาดทุนได้เช่นกัน หากอัตราการแลกเปลี่ยนเคลื่อนที่ไปในทิศทางที่ตรงข้ามกับการคาดการณ์ของคุณ โปรดอ่าน คู่มือเทรดฟอเร็กซ์ สำหรับข้อมูลอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
การซื้อขายที่ใช้มาร์จิ้นและ Leverage คืออะไร?
เลเวอเรจมักจะแสดงเป็นอัตราส่วนระหว่างจำนวนเงินที่คุณลงทุนและจำนวนเงินที่การลงทุนของคุณจะถูกขยาย โดยส่วนใหญ่แล้ว โบรกเกอร์ Forex ที่ดีที่สุดในตลาดมักจะโฆษณาเลเวอเรจสูงสุดที่คุณสามารถใช้ในการเทรดได้ แต่สิ่งที่ผมอยากให้ลองสังเกตุคือ บางโบรกเกอร์อาจมีข้อกำหนดมาร์จิ้นในการใช้งานเลเวอเรจนั้นๆ
Margin แตกต่างกับ Leverage อย่างไร
ในฐานะนักลงทุนมือใหม่คุณอาจสับสนระหว่าง มาร์จิ้น และ เลเวเรจ ผมขออธิบายง่ายๆ ดังนี้
- Margin คือ เงินประกันที่คุณต้องมีในบัญชีการซื้อขายของคุณเพื่อเปิดตำแหน่งในการเทรดแต่ละรายการ
- ในขณะที่ Leverage คือ จำนวนเงินที่โบรกเกอร์จะให้ยืมสำหรับทุกๆ ดอลลาร์ที่คุณฝากเข้าไปในบัญชีการลงทุน
โดยเลเวอเรจจะแสดงเป็นอัตราส่วน แต่มาร์จิ้นจะถูกแสดงเป็นเปอร์เซ็นต์ (%) ที่ใช้ในการเทรด และรูปภาพด้านล่างแสดงตัวอย่างความสัมพันธ์ระหว่างเลเวอเรจและมาร์จิ้น
หมายเหตุ: ข้อกำหนดเลเวอเรจและมาร์จิ้นของโบรกเกอร์แต่ละรายอาจแตกต่างกัน โดยทั่วไปแล้วโบรกเกอร์จะเสนอเลเวอเรจสูงสุดที่ได้รับอนุญาตจากหน่วยงานกำกับดูแลทางการเงินของประเทศนั้นๆ ตารางด้านล่างแสดงเลเวอเรจสูงสุดที่สามารถใช้ได้
เลเวอเรจ จาก Australia ASIC (จะเท่ากับ FCA ในวันที่ 30 พ.ย. 2021) | เลเวอเรจ จาก UK FCA | เลเวอเรจ จาก Europe CySEC/BaFIN/ESMA | เลเวอเรจ จาก Dubai DFSA | เลเวอเรจ จาก Singapore MAS | |
---|---|---|---|---|---|
สูงสุดใน Forex - คู่หลัก | 1:30 | 1:30 | 1:30 | 1:50 | 1:20 |
สูงสุดใน Forex - คู่รอง | 1:20 | 1:20 | 1:20 | 1:20 | 1:20 |
สูงสุดในทองคำ | 1:20 | 1:20 | 1:20 | 1:500 | 1:5 |
สูงสุดในสินค้าโภคภัณฑ์ - ที่ไม่ใช่ทองคำ | 1:10 | 1:10 | 1:10 | 1:100 | 1:5 |
สูงสุดใน ดัชนีตัวหลัก | 1:20 | 1:20 | 1:20 | 1:20 | 1:20 |
สูงสุดใน ดัชนีที่ไม่ตัวหลัก | 1:10 | 1:10 | 1:10 | 1:20 | 1:20 |
สูงสุดใน CFD ของหุ้น | 1:5 | 1:5 | 1:5 | 10:1 | |
สูงสุดใน คริปโต | 1:2 | 1:2 | 1:2 | 1:5 | 1:2 |
เลเวอเรจที่สูงกว่า 1:50 กำลังกลายเป็นเรื่องที่พบได้น้อยลงกับโบรกเกอร์ที่ได้รับการกำกับดูแลโดยหน่วยงาน Teir1 นื่องจากหน่วยงานกำกับดูแลประเภทนี้มีความเข้มงวดสูง และพยายามปกป้องนักลงทุนรายย่อยจากการขาดทุนในจำนวนมาก ในขณะที่ คุณมักพบข้อเสนอเลเวอเรจที่สูงกว่าในโบรกเกอร์ที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลจากต่างประเทศ เช่น เบลีซ, เซเชลส์, วานูอาตู, และเบอร์มิวดา หรือโบรกเกอร์ที่ไม่มีการกำกับดูแล เนื่องจากโบรกเกอร์เหล่านี้มีกฎระเบียบที่ผ่อนคลายมากขึ้น แต่อาจเป็นการเพิ่มความเสี่ยงต่อเงินออมของนักลงทุนรายย่อยมากยิ่งขึ้น ด้านล่างนี้คือ อัตราส่วนเลเวอเรจที่นิยมใช้ในอดีต
- 1:50 (50:1) – อัตราส่วนเลเวอเรจนี้ หมายความว่า ทุกๆ $1 มีในบัญชีการเทรด โบรกเกอร์จะให้เงินคุณในจำนวน $50 ดังนั้น การฝากเงิน $100 หมายความว่าคุณสามารถเทรดได้ $5000 โดยอัตราส่วน 1:50 จะหมายถึงการกำหนดมาร์จิ้นที่ 2% ซึ่งหมายความว่าคุณจะต้องมีมาร์จิ้น $100 (สำหรับการเทรด $5000)
- 1:100 (100:1) – อัตราส่วนเลเวอเรจนี้หมายความว่า ทุกๆ $1 ในบัญชีการเทรด โบรกเกอร์จะให้เงินคุณในจำนวน $100 ดังนั้น การฝากเงิน $100 หมายความว่าคุณสามารถเทรดได้ $10,000 โดยอัตราส่วน 1:100 จะหมายถึงการกำหนดมาร์จิ้นที่ 1% ซึ่งหมายความว่าคุณจะต้องมีมาร์จิ้น $100 (สำหรับการเทรด $10,000)
- 1:200 (200:1) – อัตราส่วนเลเวอเรจนี้หมายความว่า ทุกๆ $1 ในบัญชีการเทรด โบรกเกอร์จะให้เงินคุณในจำนวน$200 การฝากเงิน $100 หมายความว่าคุณสามารถเทรดได้ $20,000 อัตราส่วน 1:200 จะหมายถึงการกำหนดมาร์จิ้นที่ 0.5% ซึ่งหมายความว่าคุณจะต้องมีมาร์จิ้น $100 (สำหรับการเทรด $20,000)
- 1:400 (400:1) – อัตราส่วนเลเวอเรจนี้หมายความว่า ทุกๆ $1 ในบัญชีการเทรด โบรกเกอร์จะให้เงินคุณในจำนวน$40,000 การฝากเงิน $100 หมายความว่าคุณสามารถเทรดได้ $40,000 อัตราส่วน 1:400 จะหมายถึงการกำหนดมาร์จิ้นที่ 0.25% ซึ่งหมายความว่าคุณจะต้องมีมาร์จิ้น $100 (สำหรับการเทรด $40,000)
ความเสี่ยงของการใช้ Leverage คืออะไร?
แม้ว่า Leverage คือ ตัวช่วยที่มีประโยชน์อย่างมาก เนื่องจากมันสามารถทำให้คุณเทรดด้วยเงินทุนที่น้อยลงได้ และเพื่อเพิ่มโอกาสในการลงทุนจากการเคลื่อนไหวของสกุลเงินในช่วงเวลาสั้นๆ แต่คุณก็ต้องระวังข้อเสียของเลเวอเรจด้วย
จากรูปภาพด้านบน คุณจะเห็นได้ชัดว่าทำไมเลเวอเรจเป็นเครื่องมือที่มีความเสี่ยงและควรระมัดระวัง เนื่องจาก การขาดทุนที่มากขึ้น นั่นหมายถึงภาระหนี้ที่มากขึ้นนั่นเอง ดังนั้น การใช้เลเวอเรจควรใช้ด้วยความรอบครอบและกลยุทธ์การลงทุนที่เหมาะสม เช่น กลยุทธ์การซื้อขายแบบ Carry trade ที่เป็นหนึ่งในกลยุทธ์การซื้อขายที่ช่วยให้เทรดเดอร์รายย่อยสามารถใช้ประโยชน์จากอัตราส่วนเลเวอเรจที่สูงได้
นอกจากนี้ คุณควรใช้เลเวอเรจควรคู่ไปกับการใช้กลยุทธ์การบริหารความเสี่ยงที่ดี ตัวอย่างเช่น เทรดเดอร์มืออาชีพมักจะเทรดด้วยเลเวอเรจที่ต่ำมาก โดยไม่สนใจว่าโบรกเกอร์จะเสนอเลเวอเรจเท่าใด เนื่องจาก เลเวอเรจที่ต่ำจะช่วยลดผลกระทบทางการเงิน เมื่อเกิดข้อผิดพลาดในการเทรดหรือความผันผวนที่ไม่คาดคิดในการเปลี่ยนแปลงราคาสินทรัพย์ไม่ว่าจะกี่ pip ก็ตาม
หน่วยงานการกำกับดูแลมีผลต่อการกำหนด Leverage อย่างไร?
หน่วยงานกำกับดูแล Tier1 ส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น Australian Securities Investment Commission (ASIC), FCA Regulated Brokers (FCA), ESMA (รวมถึงหน่วยงานกำกับดูแลของยุโรป เช่น BaFIN และ CySEC) มักจำกัดเลเวอเรจที่โบรกเกอร์สามารถเสนอให้กับนักลงทุนรายย่อยไว้ที่ 30:1 สำหรับคู่เงินหลัก (เช่น EUR/USD, USD/JPY, AUD/GBP) และ 20:1 สำหรับคู่เงินรองและสกุลเงินแปลกใหม่ เนื่องจากพวกเขาต้องใช้นโนบายที่เข้มงวดเพื่อปกป้องนักลงทุนรายย่อยจากการขาดทุนครั้งใหญ่ที่เป็นผลมาจากการเลือกเลเวอเรจในจำนวนสูงเกินไป
ในขณะเดียวกัน หน่วยงานกำกับดูแลก็อาจอนุญาตให้เทรดเดอร์มืออาชีพสามารถเข้าถึงเลเวอเรจที่สูงกว่าได้ หากพวกเขาสามารถแสดงให้เห็นว่าพวกเขามีคุณสมบัติตามข้อกำหนด 2 ข้อดังต่อไปนี้ (ข้อกำหนดเหล่านี้อาจแตกต่างกันไปตามหน่วยงานกำกับดูแลแต่ละแห่ง):
- เป็นเจ้าของหรือบริหารสินทรัพย์สุทธิที่สูงกว่าระดับที่กำหนด
- มีประสบการณ์การทำงานในบริการทางการเงินอย่างน้อย 1 ปี
- เคยทำการเทรดที่มีขนาดใหญ่กว่า 10 ครั้งในปีที่ผ่านมา
Leverage คือ เครื่องมือที่ใช้ในการลดความเสี่ยงในการซื้อขายจริงหรือไม่?
เลเวอเรจสามารถเพิ่มความเสี่ยงต่อการลงทุนของคุณได้ อย่างไรก็ตาม ยังมีวิธีการป้องกันตัวเองจากความเสี่ยงเหล่านี้ ด้วยการใช้เครื่องมือบริหารความเสี่ยงในการลงทุน ตัวอย่างของเครื่องมือบริหารความเสี่ยง ได้แก่:
เครื่องมือบริการความเสี่ยงเหล่านี้ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยปกป้องบัญชีของนักลงทุน ลดผลกระทบจากการติดหนี้เมื่อการเคลื่อนไหวของสกุลเงินในทิศทางที่มีความเสี่ยง หรือเมื่อยอดคงเหลือในบัญชีของคุณเริ่มติดลบ แต่สิ่งสำคัญที่ควรระวังคือ คำสั่งหยุดขาดทุนที่รับประกัน (Guaranteed Stop Loss) จะไม่สามารถปกป้องเงินทุนของคุณได้ ในกรณีที่เกิดการ slippage (การเปลี่ยนแปลงราคาแบบฉับพลันและไม่สามารถควบคุมได้)

Leverage คืออะไร – บทสรุป
เลเวอเรจเป็นเครื่องมือที่ซับซ้อน แต่โดยรวมแล้ว Leverage เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์สำหรับเทรดเดอร์ เพราะมันมีศักยภาพในการลงทุนของคุณ โดยการเพิ่มผลกำไรจากการเทรด ผ่านการช่วยให้คุณเข้าถึงเงินทุนที่มากขึ้นในขณะที่มีเงินฝากในบัญชีเทรดเท่าเดิม อย่างไรก็ตาม คุณต้องจำไว้ว่าการใช้เลเวอเรจก็สามารถทำให้ขาดทุนในขนาดใหญ่ได้อย่างรวดเร็วเช่นกัน
ดังนั้น คุณควรประเมิณความเสี่ยงที่ยอมรับได้ และใช้ Leverage ในจำนวนที่จำเป็นเท่านั้น หรือหากยังไม่มั่นใจในการใช้งาน leverage คุณสามารถทดลองใช้บัญชีเดโมจากโบรกเกอร์เพื่อทดสอบกลยุทธ์ได้ฟรี ทั้งบนเดสก์ท็อปและแอพเทรด นอกจากนี้ยังควรใช้เครื่องมือบริหารความเสี่ยงเข้าช่วย เพื่อให้มั่นใจว่าการลงทุนของคุณจะเป็นไปอย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูงสุดนั่นเอง